นี่เป็นอีกหนึ่ง
ตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบตัวเรา ผู้บริหารฝากมาให้ พวกเรา อ่าน
ลองอ่านและ ลองนำมาใช้ประโยชน์ในการปรัปเปลี่ยนตัวเราดูครับ โลกเปลี่ยน
เราต้องเปลี่ยนให้ทันโลกครับ
เคยไหม? เวลาเดินทางไปฮ่องกงหรือสิงคโปร์
แล้วเห็นคนของเขาใช้ชีวิตที่ทันสมัย
เวลาซื้อของหรือขึ้นรถไฟฟ้าก็จ่ายด้วยบัตร(เดบิต) ชีวิตง๊ายง่าย… คุณรู้ไหมเมืองไทยเราก็กำลังจะเป็นอย่างนั้น
ด้วยนโยบาย National E-Payment ที่ผ่านการเห็นชอบของรัฐบาลแล้วตั้งแต่ปลายปี
พ.ศ.2558 (อ้างอิง thaigov.go.th)
Cashless Society กำลังจะเกิดขึ้น
ปัจจุบัน “เงินสด”
เป็นสัดส่วนมากกว่า 90% ของธุรกรรมทางการเงินของไทย
ซึ่งความเป็นจริงมีต้นทุนซ่อนเร้นอยู่จำนวนมาก เช่น
ร้านค้าเมื่อรับชำระเป็นเงินสดแล้วก็เป็นช่องทางให้ พนักงานทุจริตได้
(แอบเอาเงินใส่กระเป๋า) หรือเมื่อนำเงินไปส่งธนาคาร
ธนาคารก็มีต้นทุนจ้างพนักงานคอยรับเงิน นับเงิน ตรวจแบงค์ปลอม
เก็บและนำส่งกลับจากสาขา เคยสงสัยไหมว่า “ค่าขนเงินสดด้วยรถนิรภัย” ใครเป็นคนจ่าย?
เมื่อขนกลับมายังต้องคัดทำลายแบงค์เก่า และพิมพ์แบงค์ใหม่อีก
ไม่งั้นจะกลายเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคได้นะ
ใครกันหนอ จ่ายค่าใช้จ่ายเหล่านี้ คำตอบคือ
พวกเราทุกคนนั่นแหล่ะ
เพราะอย่างนี้เองที่ทุกฝ่ายอยากผลักดันให้เราปรับเป็น
Cashless Society คือสังคมที่ใช้เงินสดน้อยลง นั่นคือ
ปรับไปใช้บัตรเครดิต, บัตรเดบิต, และแอปบนมือถือ
ให้ทำธุรกรรมทางการเงินได้ทดแทนเงินสด
ภาครัฐเอาจริงผ่าน 5 โครงการหลัก
ความชัดเจนของภาครัฐมีมาอย่างต่อเนื่องผ่าน 5
โครงการ อันประกอบด้วย
1. Any ID ที่ให้ประชาชนใช้บัตรประชาชนผูกกับบัญชีธนาคารและ
ทำธุรกรรมได้
หรือผูกกับเบอร์โทรศัพท์และอีเมล์ก็ได้
2. เพิ่มเครื่องรับบัตร EDC ตามร้านค้าต่างๆ
จาก 3 แสนเครื่องเป็น 2 ล้านเครื่องภายในปี พ.ศ. 2560
(ซึ่งจะเริ่มล็อตแรกตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2559 นี้แล้ว)
3. ระบบภาษีอิเล็คโทรนิกส์ของกรมสรรพากร
ที่จะส่งเสริม และ/หรือ บังคับ ให้ทุกธุรกิจต้องมีทางเลือกการรับชำระแบบ e-Payment
และส่งข้อมูลโดยตรงให้กับกรมฯ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายของงานเอกสารไปได้มาก
4. บังคับการรับชำระของภาครัฐด้วย e-Payment
แทนเงินสด เช่น การชำระค่าใบขับขี่
ที่อาจไม่อนุญาตให้จ่ายด้วยเงินสดเลย แต่ต้องจ่ายผ่านบัตร National Debit
Card เท่านั้น
5.
โครงการประชาสัมพันธ์ให้เกิดการรับรู้และเข้าใจ และส่งเสริมให้เกิดการใช้งานจริง
เช่น รณรงค์ผ่านการชิงโชคเมื่อมีการชำระด้วย e-Payment ต่างๆ
ทั้งหมดนี้กำลังเกิดขึ้นแล้ว
ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในขั้นกำหนดรายละเอียดและแก้ไขกฎหมาย
ที่เกี่ยวข้อง และประชาชนหรือคนค้าขายจะเริ่มเห็นผลได้
ตั้งแต่กลางปี พ.ศ. 2559 เป็นต้นไป
Fintech หรือ บัตร Debit Card อะไรจะมาก่อนกัน
เมื่อเงินสดจะถูก(บังคับ)ให้ใช้น้อยลง
แล้วอะไรกันแน่ที่จะมาแทน ถ้าคุณไม่ได้ติดตามข่าวสารก็คงจะคิดว่า
ต้องเป็นบัตรเครดิตแน่ๆเลย … “ผิด อย่างยิ่งเลยครับ” เพราะบัตรเครดิตนั้นก็มีต้นทุนแอบแฝงเช่นกัน
เพราะจะมีค่าบริการส่วนหนึ่งที่ถูกหักหัวคิวไปให้
บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านบัตรเครดิต ปีๆหนึ่ง
หลายพันล้านบาท
ภาครัฐและธนาคารจึงกำลังผลักดันไปสู่ “บัตรเดบิต”
ซึ่งคาดว่าจะประกาศความร่วมมือเรื่อง
National Debit Card กันเร็วๆนี้ และเปิดกว้างให้บัตรเดบิตนี้เชื่อมโยงการชำระต่างๆ เข้าด้วยกัน เช่น ค่าสาธารณูปโภค, ค่าเดินทาง,
และร้านค้าทั่วไป เรียกได้ว่า “บัตรเดียวเอาอยู่”
แม้แต่เทคโนโลยีที่ถูกเลือกใช้ที่เป็น Chip-and-Pin ก็เป็นส่วนที่ช่วยป้องกันปัญหาการทุจริต
หรือ การลักขโมยได้ด้วย นำไปสู่ค่าบริการที่จะถูกลงอีก
อะไรก็ดีไปหมด แต่เดี๋ยวก่อน… Fintech ก็จะมาเบียดเช่นกัน
ทั้งธนาคารและ Fintech Startup ก็กำลังแข่งกัน (หรือร่วมมือกัน)
ออกแอป e-Wallet ที่ใช้โทรศัพท์แทนกระเป๋าเงินไปเลย
เรียกได้ว่ากระโดดข้ามบัตรเดบิตไปอีกขั้นเลย จะโอนเงินก็ง่าย จะจ่ายก็แค่เอามาทาบที่เครื่องอ่าน
NFC ก็ทำได้
เอาเป็นว่า ถ้าเด็กที่เกิดมาหลังจากปี พ.ศ.
2562 อาจแทบไม่เคยใช้เงินสดกันเลยก็ได้ และคงมาถามพ่อแม่ว่า “เงินสดคืออะไรคับ”
E-Payment เปลี่ยนชีวิตคุณในปีนี้แน่ๆ
กลางปี พ.ศ.2559
จะเห็นร้านค้าจำนวนมากมีเครื่องรับชำระเงิน EDC และประชาชนจะถูกรณรงค์ให้มีบัตรเดบิต
และได้สิทธิประโยชน์ต่างๆ เมื่อชำระเงินด้วยบัตรเดบิตหรือบัตรประชาชน
ส่วนภาครัฐเองก็มีช่องทางการช่วยเหลือประชาชน ผู้ยากไร้ได้โดยตรง
โดยโอนเงินเข้าไปที่บัตรประชาชน เช่น เมื่อมีภัยแล้งก็โอนเงินให้ชาวนาได้โดยตรง
(ชาวนาไม่ต้องมีบัญชีธนาคารก็ได้)
ซึ่งจะช่วยขจัดการทุจริตของเส้นทางการจ่ายไปได้ด้วย หรือ
คนทำงานเมื่อขอคืนภาษีก็จะได้รับเงินมาที่บัตรประชาชน ตามโครงการ Any ID เช่นกัน
คนเหล่านี้เลือกได้ที่จะโอนเงินออกจากบัตรทันที
หรือเก็บเงินไว้แล้วนำไปใช้จ่ายตามร้านค้าต่างๆ ที่มีเครื่อง EDC กว่า
2 ล้านเครื่องทั่วประเทศ ไม่ว่าจะไปซื้อปุ๋ย ซื้อของร้านโชว์ห่วย
หรือซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้างก็ตาม และธุรกรรมทั้งหมดก็ถูกส่งโดยอัตโนมัติเป็น
ข้อมูลอิเล็กโทรนิกส์ไปที่กรมสรรพากรโดยตรง
บริษัทห้างร้านต่างๆไม่ต้องส่งเอกสารที่เป็นกระดาษให้ยุ่งยาก และสิ้นเปลือง
หรือจะนำเงินนั้นมาจ่ายเมื่อไปธุรกรรมกับภาครัฐก็ได้ เช่น เมื่อไปขอใบรับรองบริษัท
หรือธุรกรรมอื่นใด
Casinos Near Harrah's Atlantic City - MapyRO
ตอบลบFind 인천광역 출장마사지 Casinos Near 이천 출장샵 Harrah's Atlantic 군산 출장안마 City, Atlantic City, NJ near Harrah's Casino and Spa in 구리 출장마사지 Atlantic City, United States. 양산 출장안마